การติดเชื้อเอชไอวี

Last updated: 25 พ.ย. 2564  |  2972 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การติดเชื้อเอชไอวี

การติดเชื้อเอชไอวี


           เป็นสาเหตุให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงหรือเรียกว่าโรคเอดส์ เนื่องจากถูกเชื้อไวรัสทำลายเม็ดเลือดขาวชื่อ ลิมโฟไซด์ สำหรับการตรวจเลือดที่เร็วเกินไป ผลเลือดอาจะเป็นลบ หรือไม่พบเชื้อได้ หลังจากนั้นหลายเดือนต่อมาค่อยขึ้นผลเป็นบวกหรือมีเชื้อนั่นเอง โรคเอดส์ พัฒนาแย่ลงได้เมื่อระบบต่างๆของร่างกายอ่อนแอลง

สาเหตุ 
    ได้รับเชื้อจาการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เหลือรับบริจาคเลือด สามารถติดจากแม่สู่ลูกกได้ขณะตั้งครรภ์ และการสัมผัสโดยการจับมือตรงไม่ทำให้ติดเชื้อ

อาการ
    ในช่วงแรกไม่มีอาการ  จะเริ่มมีอาการคล้ยมีไข้หลังได้รับเชื้อมาแล้ว 1-6 สัปดาห์ รวมไปถึง ปวดเนื้อตั อ่อนแรง มีไข อเจียน มีผื่นขึ้น หลงจากอการเหล่านี้ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆจนกว่เชื้อไวรัสจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง หลงจากนั้นจะแพร่เชื้อไปตามอวัยวะต่างๆเช่น ปอด ตา ผิวหนัง และนำไปสู่กรเสียชีวิตได้ อาการอื่นๆเช่น ท้องเสีย อ่อนเพลีย ไข้ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด ความจำเสื่อม มีแผลในปาก เหงื่อออกตอนกลางคืน มะเร็งผิวหนัง ต่อมบวม มีปัญหาด้านสติปัญญา

การวินิจฉัย 
    จากการซักประวัติการรักษษ การตรวจร่งกาย และตรวจเลือด


การรักษา 
    ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ แพทย์ทางด้านอายุรกรรมจะจ่ายยาที่เสริมภูมิคุ้มต่อต้านไวรัส และติดตามดูผลของยาจาการตรวจเลือด ยาอาจจะทำให้อยากอาหารลดลง ดังนั้นต้องจัดการสารอาหารสำหรับผู้ป่วยให้เพียงพอ และป้องกันการติดเชื้ออื่นๆเพี่มเติม การให้กำลังใจก็เป็นวิธีหนึ่งในการรักษา และ หลีกเลี่ยงก่ารแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่น โดยใช้ถุงยางอนามัยและไม่บริจาคเลือดหรือน้ำอสุจิ

    สิ่งที่ควรทำ
ควรมาตรงตามนัดแพทย์
ควรใส่ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์และบอกคู่นอนเรื่องผลเลือดเพื่ออีกคคนจะได้รีบตรวจวินิจฉัย
ควรหลีกเลี่ยงจากผู้ที่มีการติดเชื้ออื่นๆ
ควรกินอหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียง และออกกำลังกาย
ควรหาบุคคลมาช่วยเหลือปัญหาด้านจิตใจ
ควรรีบแจ้งแพทย์หากผู้ป่วยท้องหรือมีแผนว่าจะตั้งท้อง

ควรต้มขวดนมอละภาชนะหลังจากใช้แล้ว
ควรรีบพบแพทย์หากมีอากรของการติดเชื้อเช่น ไข้ ไอ ท้องเสียรุนแรง อาเจียน ปวดท้องรุนแรง


   ห้ามทำ
ห้ามบริจาคเลือด น้ำอสุจิหรืออวัยวะ
 ห้ามหยุดยาเองจนกว่าแพทย์จะบอกให้หยุด
 ห้ามดื่มเหล้า ใช้ยา หรือเข็มฉีดยาร่วมกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้