Last updated: 30 ก.ย. 2568 | 28 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคบาดทะยัก (Tetanus)
โรคบาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani ซึ่งพบในดิน ฝุ่น และมูลสัตว์ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล แม้จะเป็นบาดแผลเล็ก ๆ ก็ตาม
นี่คือข้อมูลสรุปแบบละเอียดแต่เข้าใจง่าย:
สาเหตุ
-เกิดจากเชื้อ Clostridium tetani ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก ผลิตสารพิษชื่อ tetanospasmin
การติดเชื้อมักเกิดจาก:
-บาดแผลลึก แผลฉีกขาด หรือถูกของสกปรกทิ่มแทง
-แผลไฟไหม้ แผลจากอุบัติเหตุ หรือแผลหลังการผ่าตัด
-แผลที่สัมผัสดินหรือมูลสัตว์
อาการ
-ระยะแรก (1–7 วันหลังติดเชื้อ)
-กล้ามเนื้อกระตุก โดยเริ่มที่กราม (“lockjaw” หรือ ขากรรไกรแข็ง)
-กล้ามเนื้อคอและใบหน้าตึง
-เจ็บแผลหรือมีอาการเจ็บทั่วร่างกาย
-อาการลุกลาม
-กระตุกกล้ามเนื้อแขน ขา และท้อง
-กล้ามเนื้อหลังแข็งและโค้งหลัง
-กลืนอาหารลำบาก มีน้ำลายฟูม
-หายใจลำบาก หากกล้ามเนื้อหายใจถูกกระตุก
-อาการรุนแรง
-เกิดภาวะหยุดหายใจ หรือหัวใจเต้นผิดปกติ อาจถึงแก่ชีวิตได้
การวินิจฉัย
-ประวัติและอาการทางคลินิก
-บาดแผลล่าสุดหรือการสัมผัสสิ่งสกปรก
-อาการขากรรไกรแข็ง กระตุกของกล้ามเนื้อ
-ไม่มีการตรวจเลือดเฉพาะเจาะจง
-วินิจฉัยส่วนใหญ่จากอาการและประวัติ
-อาจตรวจ แผลหรือเชื้อ เพื่อยืนยันเชื้อ แต่ไม่จำเป็นเสมอไป
การรักษา
-ล้างแผลและทำความสะอาดแผล เพื่อลดเชื้อ
-ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เมโทรนิดาโซล หรือเพนิซิลลิน
-ให้ภูมิคุ้มกันเฉียบพลัน (Tetanus Immune Globulin, TIG) เพื่อยับยั้งพิษที่ยังไม่ทำงาน
-ควบคุมอาการกล้ามเนื้อกระตุก ด้วยยาคลายกล้ามเนื้อ (เช่น มิดาโซแลม)
-การดูแลในโรงพยาบาล/ห้อง ICU ในกรณีรุนแรงเพื่อช่วยการหายใจ
การป้องกัน
-ฉีดวัคซีนบาดทะยัก (Td/Tdap)
-เด็ก: วัคซีนรวม DTP
-ผู้ใหญ่: ฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี
-ทำความสะอาดแผลทันที และปรึกษาแพทย์หากบาดแผลลึกหรือสกปรก
ควรหรือไม่ควร
-ควร: รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักตามกำหนด รักษาความสะอาดแผล และรีบพบแพทย์หากถูกของสกปรกทิ่มแทง
*ไม่ควร: ละเลยแผลลึกหรือบาดแผลสกปรกโดยไม่รักษา เพราะโรคนี้อาจรุนแรงและถึงชีวิตได้
23 มิ.ย. 2568
20 มิ.ย. 2568
23 มิ.ย. 2568
23 มิ.ย. 2568