Last updated: 23 มิ.ย. 2568 | 30 จำนวนผู้เข้าชม |
การผ่าตัดบายพาสหัวใจ
การผ่าตัดบายพาสหัวใจ: ทางเลือกสำคัญเพื่อชีวิตที่หัวใจไม่ควรมองข้าม
1. หลอดเลือดหัวใจคืออะไร และทำไมถึงเกิดการตีบ?
หัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย แต่ตัวหัวใจเองก็ต้องการเลือดเช่นกัน โดยเลือดจะมาหล่อเลี้ยงผ่านทาง “หลอดเลือดโคโรนารี” (coronary arteries) ซึ่งมี 3 เส้นหลัก เมื่อมีไขมัน คอเลสเตอรอล หรือคราบพลัค (plaque) ไปสะสมที่ผนังด้านในของหลอดเลือด จะทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง หรืออุดตัน จนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการ เจ็บแน่นหน้าอก (angina) หรือถ้าหนักมากอาจถึงขั้น กล้ามเนื้อหัวใจตาย (heart attack)
2. การผ่าตัดบายพาสคืออะไร?
การผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CABG) คือการสร้าง “ทางเบี่ยง” ให้เลือดไหลผ่านจุดที่อุดตัน ด้วยการนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาเย็บต่อเข้ากับหลอดเลือดหัวใจ จุดประสงค์:
•เพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
•บรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
•ลดความเสี่ยงของหัวใจวายในอนาคต
•ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
3. ใช้หลอดเลือดจากส่วนใดของร่างกายบ้าง?
แพทย์จะเลือกหลอดเลือดที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับตำแหน่งของหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ เช่น:
•หลอดเลือดแดงจากหน้าอก (Internal Mammary Artery - IMA) มีความทนทานมาก อยู่ได้นานกว่า 10–20 ปี และมีโอกาสตีบน้อย
•หลอดเลือดดำจากขา (Saphenous Vein Graft - SVG) ใช้ได้ง่าย แต่อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าแบบ IMA
•หลอดเลือดแดงจากแขน (Radial Artery) มีความทนทานสูง ใช้ได้ดีโดยเฉพาะในผู้ป่วยอายุน้อย
4. ผ่าตัดแบบหัวใจหยุดหรือยังเต้นอยู่ ต่างกันอย่างไร?
1.On-pump (หัวใจหยุด)
•หัวใจจะถูกหยุดชั่วคราว และใช้เครื่องปอด-หัวใจเทียมช่วยไหลเวียนเลือดระหว่างผ่าตัด
•ได้เปรียบเรื่องความแม่นยำ ใช้ในกรณีซับซ้อน เช่น เส้นเลือดหลายเส้น หรือหัวใจทำงานแย่
2.Off-pump (หัวใจยังเต้นอยู่)
•หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหัวใจ-ปอดเทียม เหมาะกับผู้ป่วยสูงอายุ หรือมีความเสี่ยงจากการใช้เครื่อง
•ลดโอกาสเกิดปัญหาเกี่ยวกับสมอง หรือไตหลังผ่าตัด
5. ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง?
การผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงขึ้นมากในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความเสี่ยง เช่น:
•เลือดออกมากผิดปกติ ต้องกลับเข้าไปผ่าตัดใหม่
•หัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะ Atrial Fibrillation (AF) หลังผ่าตัด
•ไตวายเฉียบพลัน พบในผู้สูงอายุหรือโรคประจำตัว
•ปอดติดเชื้อหรือภาวะปอดแฟบ
•ภาวะสมองล้า หรือความจำลดลงชั่วคราว พบได้โดยเฉพาะในคนอายุ 65 ปีขึ้นไป
แต่โดยรวมแล้ว อัตราการรอดชีวิตในระยะสั้นอยู่ที่กว่า 98% ในโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน
6. ผลลัพธ์ในระยะยาว
•ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
•อาการแน่นหน้าอกลดลงมาก หรือหายไปเลย
•อายุขัยโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีเบาหวานหรือโรคหลายเส้นเลือด
•เส้นเลือดที่นำมาใช้ (graft) บางชนิดอยู่ได้นานกว่า 10–15 ปี
เงื่อนไขที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น:
•ควบคุมเบาหวาน ความดัน ไขมัน
•เลิกบุหรี่
•ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
•ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
7. เปรียบเทียบกับการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน (PCI)
ปัจจัยเปรียบเทียบ CABG PCI (บอลลูน) เหมาะกับ โรคหลายเส้น / เส้นหลักซ้าย โรคไม่ซับซ้อน เส้นเดียว
พักฟื้น 6–12 สัปดาห์ 3–7 วัน โอกาสหลอดเลือดอุดซ้ำ น้อยกว่า มากกว่า โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ความเสี่ยงระยะสั้น สูงกว่าเล็กน้อย ต่ำกว่า ผลในระยะยาว ดีกว่าในโรคซับซ้อน ดีในโรคง่ายๆ
17 ส.ค. 2565
21 ก.ย. 2565
23 มิ.ย. 2568
18 ส.ค. 2565