โรคเชื้อราที่เท้า

Last updated: 23 มิ.ย. 2568  |  31 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรคเชื้อราที่เท้า

โรคเชื้อราที่เท้า


Athlete’s Foot: เจาะลึกโรคเชื้อราที่เท้า รักษาได้ก่อนลุกลาม

Athlete’s foot หรือ “โรคน้ำกัดเท้า” เป็นการติดเชื้อราที่ผิวหนังเท้า โดยเฉพาะบริเวณ ซอกนิ้วเท้า ซึ่งเกิดจากเชื้อราที่ชอบสภาพแวดล้อมอับชื้นและอบอุ่น โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกคน ไม่ใช่แค่นักกีฬา แม้แต่คนทำงานออฟฟิศก็เสี่ยงได้เช่นกัน

รู้จักเชื้อราตัวการ: Dermatophytes
เชื้อราในกลุ่มที่ชื่อว่า Dermatophytes เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ เชื้อเหล่านี้กิน เคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนในผิวหนัง เส้นผม และเล็บ เชื้อที่พบบ่อย ได้แก่:
•Trichophyton rubrum (พบมากที่สุด)
•Trichophyton interdigitale
•Epidermophyton floccosum

เชื้อเหล่านี้ชอบความชื้น เช่น เหงื่อ หรือรองเท้าที่ไม่ระบายอากาศ พอเท้าชื้น เชื้อก็เจริญเติบโตได้ดี

กลไกการเกิดโรค (เข้าใจง่าย)
1.เชื้อราสัมผัสกับผิวหนังบริเวณเท้าที่เปียกหรืออับ
2.เชื้อใช้เอนไซม์ละลายชั้นเคราตินของผิวหนัง
3.เกิดการอักเสบเฉพาะที่ มีอาการ คัน แดง ลอก หรือพอง
4.หากไม่รักษา เชื้ออาจแพร่ไปเล็บ หรือผิวหนังส่วนอื่น

อาการของ Athlete’s Foot
โรคนี้มีได้หลายรูปแบบ อาการแตกต่างกันเล็กน้อย:
1. แบบซอกนิ้ว (Interdigital type) พบบ่อยที่สุด ผิวบริเวณซอกนิ้ว (โดยเฉพาะนิ้วที่ 4–5) จะเปื่อย ลอก คัน และมีกลิ่นอับ ผิวหนังอาจแตกหรือแสบเมื่อโดนน้ำ
2. แบบฝ่าเท้าแห้งหนา (Moccasin type) ผิวฝ่าเท้าจะแห้ง หยาบ และลอกเป็นขุย มักเกิดเรื้อรัง อาจแพร่ไปเล็บเท้าได้ ไม่ค่อยคัน แต่รักษายากกว่าประเภทอื่น
3. แบบตุ่มน้ำใส (Vesicular type) มีตุ่มน้ำใส ๆ ที่ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า มักเกิดแบบเฉียบพลัน บางรายอาจมีอาการปวดหรือแสบร่วมด้วย

วินิจฉัยอย่างไร?
แม้บางคนจะสังเกตอาการได้ด้วยตนเอง แต่แพทย์อาจใช้การตรวจเพิ่มเติม เช่น:
•การขูดผิวหนังและดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ (KOH test) ใช้โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ละลายเนื้อเยื่อเพื่อให้เห็นเส้นใยเชื้อรา
•การเพาะเชื้อรา (Fungal culture) ใช้ระบุชนิดของเชื้ออย่างแม่นยำ โดยเฉพาะกรณีที่รักษาแล้วไม่หาย

แนวทางการรักษา
ยาทา (Topical antifungal) ใช้ในกรณีไม่รุนแรงหรือเริ่มเป็นใหม่ ๆ
•ตัวอย่างยา: clotrimazole, terbinafine, miconazole, ketoconazole
•วิธีใช้: ทาวันละ 1–2 ครั้ง ต่อเนื่องอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์
•คำแนะนำ: ควรทาต่อไป 1 สัปดาห์หลังอาการหาย เพื่อฆ่าเชื้อให้หมด
ยากิน (Oral antifungal) ใช้ในกรณีเรื้อรัง ลุกลาม หรือไม่ตอบสนองต่อยาทา
•เช่น terbinafine, itraconazole, fluconazole
•ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะบางชนิดมีผลต่อตับ

หายแล้ว…กลับมาเป็นอีกได้ไหม?
ได้ครับ เพราะเชื้อราเหล่านี้อยู่ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำสาธารณะ รองเท้า หรือถุงเท้าที่เปียกชื้น ดังนั้นการ ป้องกัน จึงสำคัญไม่แพ้การรักษา

เทคนิคป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก
•ล้างเท้าให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะซอกนิ้ว
•เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน และเลือกผ้าที่ระบายอากาศได้
•หลีกเลี่ยงรองเท้าหุ้มปิดแน่นเป็นเวลานาน
•สวมรองเท้าแตะในห้องน้ำรวม หรือสถานที่ชื้น
•โรยแป้งดูดความชื้นในรองเท้าหรือถุงเท้า

ข้อควรระวังเพิ่มเติม
•หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือแคะตุ่มน้ำ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
•หากมีอาการที่เล็บ หรือเป็นเรื้อรังนานเกิน 1 เดือน ควรพบแพทย์ผิวหนัง
•ระวังการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เช่น คนในบ้าน โดยเฉพาะผ่านผ้าเช็ดเท้าหรือรองเท้า

 

สรุป
Athlete’s foot เป็นโรคเชื้อราที่พบได้ทั่วไป รักษาได้ง่ายถ้าเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่สำคัญคืออย่าปล่อยให้เท้าอับชื้น และหมั่นสังเกตสุขภาพเท้าของตัวเองอยู่เสมอ

 





เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้